mongodb-dba-workshop

Read Operation

1. ให้ใช้ Mongo Compass เชื่อมต่อไปที่ cluster0-shard-00-00-jxeqq.mongodb.net (ดูการตั้งค่าเชื่อมต่อได้ที่นี่)
2. เลือก Database Video และ collection Movie

find()

.find({ year: 2009 })

หรือถ้าต้องการจัดผลลัพธ์ในดูอ่านง่ายใน Shell ก็สามารถใช้ .pretty() ตามหลังคำสั่ง find() ได้

.find().pretty()

AND Operator

.find({ year: 2009, mpaaRating: "PG-13" })

COUNT Operator

ใช้ในการนับจำนวน collection จากผลลัพธ์

.find().count()

การ filter โดยอิงจาก nested document

ให้สังเกตว่าต้องมี " " กำกับ

.find({ "wind.direction.angle": 290 })

Array

หาค่าตัวใดตัวหนึ่งใน Array ที่ตรงกัน (cast มี type เป็น Array)

.find({ cast: "Robert Downy JR." })

หา document แบบที่ค่า Array ตรงเป๊ะๆ

.find({ cast: ["Robert Downy JR.", "Chris Evan"] })

หา document แบบที่เจาะจงตำแหน่งใน Array เช่นในที่นี้จะคืนค่าเป็น document ที่มี “Robert Downy JR.” เป็นค่าแรกใน Array เท่านั้น

.find({ "cast.0": "Robert Downy JR." })

Cursor

• Cursor เป็นตัวชี้ที่ MongoDB ส่งกลับมาให้ Client จากการรันคำสั่ง find() (ในที่นี้ Client คือ Mongo Shell)
• ปกติ Mongo shell จะโหลด 20 document แรกที่ได้จากคำสั่ง find()
• เราสามารถรันคำสั่งด้านล่าง เพื่อให้ mongo shell โหลดอีก 20 document ถัดไปมาได้

it

Projection

• Projection เหมือนเป็นการเลือกให้ Mongo คืนเฉพาะ key ที่เราสนใจใน document ตัวนั้น
• เช่น ถ้าต้องการเฉพาะ title key

.find({}, { title: 1 })

• และถ้าไม่ต้องการ _id key

.find({}, { title: 1, _id: 0 })

ดูเพิ่มเติม

• ดูองค์ประกอบของการ Query ต่างๆ ได้ที่นี่